วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรารักเค้า หรือ เค้ารักเรา

กลอน อกหัก

เรื่องของคำว่ารัก เปรียบเสมือนคำถามที่คล้ายคลึงว่า ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน ด้วยความหมายที่ใกล้เคียงกับคำว่า เรารักเค้า หรือ เค้ารักเรา
คนเรามักจะรู้สึกเช่นนี้เสมอ..........ในยามที่สับสน
คนที่ตกอยู่ในวังวนแห่งรัก มักจะหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ ด้วยภาวะจิตที่รุ่มร้อน สืบเนื่องมาจาก การรักไม่เป็นนั่นเสมือนว่า คนผู้นั้นปล่อยให้ชีวิตตนเองเวียนวน อยู่แต่ในห้วงของคำถาม และคำตอบที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่กล้าที่จะตอบ ด้วยความที่ยังไม่แน่ใจ
โดยสัญชาติญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์ คนเราต้องรักตัวเราเองก่อน ก่อนที่จะรักคนอื่น
การที่จะรักตัวเป็นให้เป็น ก็มีความหมายในอีกหลายแง่มุมมอง เช่น- เรียนให้เก่ง ,ขยันทำงาน , ดูแลสุขภาพให้ดี , หาเงินให้ได้มากและใช้ให้เป็นประโยชน์ รู้จักเก็บหอมรอมริบไว้ใช้ในวันข้างหน้า ฯลฯ
หากเราเริ่มต้นที่จะรักตัวเอง และทำให้ตัวเองเป็นสุข โดยไม่ต้องพึ่งพาความสุขจากผู้อื่นได้แล้ว เราค่อยหันไปมองหาคนที่เรารัก หรือคนที่รักเรา แล้วคุณจะเลือก 1 ใน 2 คนนั้นได้โดยไม่ลังเล
เพราะจากการที่คุณรักตัวเอง...จะทำให้คุณเลือกคนที่ใช่สำหรับคุณ คนที่จะทำให้คุณมีความสุขอย่างแท้จริง โดยที่คุณยังคงได้เป็นตัวของตัวเองอยู่เช่นเดิม
ความรักที่เป็นสุข คือรักที่มาช่วยเติมเต็ม

ความรักที่เป็นทุกข์ คือรักที่ล้นไปด้วยกิเลสและความปรารถนา
หากคุณต้องเลือกคนใดคนหนึ่ง คุณต้องเลือกกำหนดก่อนว่า ..........

คนที่คุณรัก หรือคนที่เค้ารักคุณ ความรักของเค้า หรือความรักของคุณ เป็นรักในรูปแบบใด?

วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรียนรู้ที่จะรัก และอกหักให้เป็น

กลอน อกหัก

รู้จักทั้งความรัก และมิตรภาพ


สิ่งที่ได้ในรั้วโรงเรียน นอกจากความรู้ที่จะนำไปต่อสู้ฟาดฟัน หาโอกาสให้ชีวิตเพื่อทำดีขึ้นแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ความรักกับมิตรภาพจะเป็นสิ่งที่ติดตัวเราไปจนโตเพื่อนในวัยเยาว์จะจริงจังยั่งยืนกว่าในโรงเรียนจึงเป็นแหล่งร่วมเพื่อนแท้ชั้นดี ที่เราต้องรู้จักเสาะแสวงหามาเอง ในขณะที่ความรักในรั้วโรงเรียนกลับเป็นสิ่งที่ฉาบฉวยที่สุดแต่ในมุมมองของเด็ก ๆ วัยรุ่นจะเห็นว่ามันสำคัญที่สุด เด็กหลายคนจึงมุ่งหาความรักแทนที่จะมุ่งรักษามิตรภาพ ทำให้หลายคนเรียนจบมาด้วยสถานภาพคลอนแคลน เรียกว่าพอกเรียนจบต่างกันก็ไม่มองหน้ากันไปกันเลย เพราะเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆในวัยเยาว์ อย่ามัวมองหาแฟนอย่างเดียว เล็งเพื่อนดี ๆ ไว้สักฝูงรับรองไม่เสียหาย



รักเต็มที่แต่ไม่มีความคาดหวัง

เมื่อเจอกิ๊กที่ถูกใจในรั้วโรงเรียน เธอต้องจำให้ขึ้นใจ จากวันนี้เธอกับเขาต้องจากกัน ไม่ได้คบใกล้ชิดกันตลอดแน่ เว้นแต่ว่าพอเรียนจบมัธยมปลายแล้วเธอกับเขาจะพากันไปรับจ้างในโรงงาน ไม่เรียนหนังสือหนังหาพากันไปกัดก้อนเกลือกินนั่นแหล่ะ แต่ถ้าไม่อยากลำบาก ทั้งเธอและเขาต่างก็ต้องไปเรียนต่อ สี่ปีในมหาวิทยาลัยทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงได้หมด ไม่ว่าเธอและเขา ดังนั้นเวลาที่เหลือในโรงเรียนจงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอย่าหน้ามืดตามัวหมกมุ่นเรื่องนี้จนเสียการเรียน ต่อไปในอนาคตถ้าทุกอย่างยังเหมือนเดิม เธอและเขาจะภูมิใจในเ **** ทางความรัก ที่เดินร่วมกันมายาวนาน



เรื่องมือที่สาม ห้ามไม่ได้

เมื่อมีแฟนในวัยรุ่น อย่าคาดหวังว่าเขาจะต้องรักเธอคนเดียว มีเธอคนเดียว พอไม่ได้ก็เสียใจฟูมฟาย จงรู้ไว้เลยว่า ทั้งเธอและเขาต่างก็เป็นเด็กเป็นวัยรุ่น รักง่ายหน่ายเร็ว มีสติยั้งคิดน้อย คนเราก็ย่อมหวั่นไหวได้ง่าย ๆ แต่เจอคนดีกว่า สวยกว่าห **** กว่า ใจก็ไปแล้ว เรื่องมือที่สามในความรักแบบวัยรุ่นไม่ใช้ความผิดของใคร ไม่ว่าเรา เขา หรือมือที่สามคนนั้น ในความเป็นเด็กทุนคนขาดวิจารณญาณ ย่อมทำผิดพลาดด้วยกันทั้งนั้น เมื่อรักกันแล้วคบกันแล้ว จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด เมื่อถึงวันพรุ่งนี้ถ้ามันไม่ดีแล้วเธอจะได้ไม่เสียใจ เพราะทำทุกย่างดีที่สุดแล้ว ที่สำคัญคนที่เป็นมือที่สามนั้น เขาก็กำลังเรียนรู้ชีวิตในแบบของเขาอยู่ นาทีนี้เราต่างเรียนรู้ในเ **** ทางของใครของมัน



ดังนั้นเมื่อมีแฟนในโรงเรียน รักได้ แต่อย่าคาดหวัง ให้คิดไว้ก่อนว่า เราไม่ใช่เจ้าของกันและกัน แต่วันนี้เราแบ่งบันความหวังดีให้กันเท่านั้น

เมื่อเลิกรา...ต้องอกหักให้เป็น

เมื่อความสัมพันธ์มาถึงการเลิกรา อย่าคิดว่าเสียเวลาหรือไม่มีประโยชน์ ความเสียใจอย่างสุดซึ้งจากการอกหัก จะทำให้เรามีแรงมีพลังไว้แบกรักความผิดหวังทั้งมวลในโลกนี้ ที่จะถาโถมเข้ามาในอนาคต ต่อไปเธอจะเริ่มรู้จักคุณค่าของตัวเอง และมีสติในการเลือกใครเข้ามาในชีวิตมากขึ้น เพราะเธอรู้แล้วว่า ความรักมันรู้สึกอย่างไร ความเจ็บเป็นแบบไหน เราจะไม่ทุรนทุรายโหยหา อยากมีแฟน หรือคบใครแค่ให้ขึ้นชื่อว่ามีแฟนเป็นของตัวเองอีกแล้ว พอถึงวันวาเลนไทน์ แม้ไม่มีใครเคียงข้าง สองมือเราจะโอบกอดตัวเองได้อุ่นอย่างมีความสุขที่สุด

เราจะมองความรักเห็นอีกระดับหนึ่ง เมื่อโตขึ้นเธอจะซาบซึ้งเมื่อได้สัมผัสกับความรักในอีกแบบ ที่ใช้ความรู้สึกรับรู้ล้วน ๆ ไม่เกี่ยวกับคุณสมบัติ ไม่เกี่ยวกับความสวยความหมาย นั่นก็คือคุณค่าของคำว่ารักจากใจล้วน ๆในวันนั้นเธอจะหันไปขอบคุณความรักในวัยเยาว์ที่ทำให้เราฟูมฟายแทบตายนั่นแหละ

เลือกแล้วที่จะให้วันนี้ไม่มีเธอ

หวั่นไหวทุกครั้งที่ต้องนั่งอยู่คนเดียว


เปล่าเปลี่ยวหัวใจทุกครั้ง...ที่นั่งมองรูปเธอ

น้ำใส ๆ จากดวงตาก็พาลแต่จะล้นเอ่อ

เมื่ออ่านบันทึกที่เป็นเรื่องราวของเธอและฉัน


ตั้งแต่วันแรกที่พบจนวันสุดท้ายที่จาก

รู้ว่ามันลำบากแต่ฉันก็ต้องห้ามไหวหวั่น

แม้จะปวดร้าวฉันก็ต้องยอมรับมัน

เพราะมันคือการตัดสินใจของฉันไม่ใช่ใคร

ฉันเลือกที่จะให้วันนี้ไม่มีเธออยู่

ฉันรู้ว่าหากไม่มีเธอ...วันนี้น้ำตาต้องไหล

ฉันก็เลือกที่จะเจ็บอย่างวันนี้...เพื่อวันต่อไป

ฉันจะได้ไม่ต้องร้าวไหว...กับการที่ต้องทนเห็นเธอ

ไปกับใครที่ไม่ใช่ฉัน

แล้วเราเองจะเข้าใจ

บางทีการที่มีโอกาสให้คบหากับใครสักคนในชีวิต แล้วเรารู้สึกเฉยๆ หรืออาจจะรู้สึกว่าคนๆนั้นเป็นคนสำคัญสำหรับเราก็ตาม มันก็เป็นความรู้สึกที่ดี-ดี หรือบ้างครั้งการรักกันแบบเด็ก-เด็ก ที่ไม่ค่อยเห็นค่าของคำว่ารักก็เป็นอีกแบบหนึ่ง คือเที่ยวสนุกไปวันๆ นึกถึงแต่เรื่องเที่ยวเรื่อยเปื่อย สนุกสนาน มันก็มีแต่ความสุขน่ะ จนวันหนึ่งสิ่งนั้นหายไป แรกๆ เราก็อาจจะไม่รู้สึกอะไรหรอก หรือบางคนอาจจะไม่รู้สึกอะไรเลยก็เป็นได้ ฉันว่ามันแล้วแต่คนน่ะ ว่าเค้าคบกันมาแบบไหน เพื่อนฉันก็มีน่ะ แบบนี้ แต่ว่าเพื่อนอีกคน ก็บอกว่ากว่าจะรู้ว่ารักผู้หญิงคนนี้ก็ต่อเมื่อถึงเวลาที่เค้าจากไปแล้วจะครบปี เหมือนนั่นเป็นช่วงเวลาแห่งการทบทวนในชีวิต ก็นานพอดูน่ะ ฉันว่า ไม่รู้ของคนอื่นๆจะให้เวลากับตัวเองเพื่อทบทวนเรื่องราวต่างๆนานแค่ไหน สำหรับฉันแล้วการนั่งทบทวนเรื่องราวต่างๆในแต่ละวัน สักวันล่ะสิบนาทีก็น่าจะดีน่ะ วันนี้ดีที่สุดของเราคือ อะไร และแย่ที่สุดของเราคืออะไร จดไว้ หากว่าไม่เหลือบ่ากว่าแรง อย่างน้อยเราก็ไม่ได้เสียสิ่งดี-ดี ในชีวิตเราไป หรือเสียบทเรียนดี-ดี ที่จะสอนเราไปเพื่อป้องกัน ไม่ให้เกิดเรื่องแย่ๆขึ้นได้อีก


บางทีการที่เราได้หยุดคิด ให้เวลาคุยกับตัวเองบ้าง เราจะได้เคยชินกับการฟังเสียงจากใจของเราเองว่าต้องการอะไรกันแน่ในชีวิด จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลังว่า ทำไมชั้นทำอย่างนี้ ทำไมไม่ทำอย่างนั้น แต่สุดท้ายมันก็ผ่านมาแล้ว และเราก็เป็นคนกระทำ อย่างไรเสียก็ควรยอมรับผลที่ตามมาอย่างหน้าชื่นตาบาน หรือว่าหน้าชื่นอกตรมก็แล้วแต่น่ะ จำไว้ว่าสิ่งที่สูญเสียไป ไม่ใช่เสียทุกอย่าง มันยังเหลือบทเรียนที่ดี-ดีให้กับเราเสมอ เป็นประสบการณ์ที่จะช่วยสอนเรา เตือนเรา แต่บางครั้งเราก็ปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง นั่นเพราะเราไม่ยอมฟังเสียงจากใจเรา

บางครั้งเราใช้อารมณ์มาตัดสินสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วเสียใจทีหลัง อารมณ์ที่ว่านั้น อาจจะเป็ฯอารมณ์โกรธ รัก หลง สนุก อะไรก็แล้วแต่ ณ ตอนนั้นเราได้กระทำไปแล้วอย่างเสียใจทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว สิ่งต่างก็ไม่อาจหวนคืน ถามว่าเสียใจหรือเปล่า ชั้นคิดว่าทุกคน ตอนนี้ตอบได้เต็มปากว่าไม่เสียใจหรอกน่ะ เพราะว่ามันได้พ้นไปแล้ว ไม่เสียใจที่ทำลงไป แต่ว่ามันก็คงต้องมีบ้างสำหรับการเจ็บปวดในส่วนหนึ่งส่วนใดหากนึกถึง ก็นี่แหละรสของชีวิต

ฉะนั้นอย่ารีรอที่จะถาม ฟัง เสียงเทวดา นางฟ้าตัวน้อยๆ ในตัวเราเอง เพื่อจะได้ทำอย่างใจเราอยากทำ อยากเป็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบอกรัก บอกเลิก ขอให้อีกคนอยู่กับเรา หรืออะไรก็ตาม บางคนอาจจะนึกว่า บอกเลิกเหรอ ใจร้ายจังก็ดีกว่า โกหกกันน่ะ ว่ารักน่ะ ยังพอทำใจ เข้าใจได้บ้างละน่า หรือบางคนไม่กล้าบอกรัก อย่ากลัวเลย มีบางคนบอกว่า แม้ว่าความรักที่เรามอบให้ใครแล้วมันไม่เคยได้รับคืนกลับมาเลยแม้แต่น้อย แต่ความรักก็ไม่ได้ตายจากไปไหนนี่นา มันยังงอกงาม และงดงามในใจเราเสมอ คงมีสักวันที คนดี-ดี จะมองเห็นต้นไม้รักที่งดงามในใจเราเอง